วันนี้ Neighbors and Friends ตั้งใจมาทัวร์ฟาร์มเห็ด Earthling Mushroom Farm โดยมีเจ้าบ้านที่น่ารักอย่าง ‘คุณต้อ-โอฬาร กัลยารักษ์สกุล’ General Manager และ ‘คุณฟิวส์-อริญชย์ เลิศมิ่งชัยมงคล’ Lab Manager อาสาพาเดินชมทุกมุมพร้อมเผยเบื้องหลังการเพาะและการดูแลเห็ดในทุก ๆ ขั้นตอนแบบไม่มีกั๊ก
ซึ่ง Earthling Mushroom Farm ไม่ได้มีแค่เห็ดสวย ๆ ที่น่าตื่นตาตื่นใจเท่านั้น ที่นี่ยังเป็นฟาร์มอินดอร์ที่ดูแลเห็ดแบบครบวงจร ตั้งแต่ขั้นตอนการเพาะเชื้อในห้องแล็บ บ่มเห็ดในห้องมืด ไปจนถึงสเต็ปสุดท้ายในห้องเปิดดอก ก่อนจะเก็บเห็ดและส่งตรงถึงมือลูกค้าแบบสดใหม่ทุกวัน

1. Lion’s Mane : เห็ดหัวลิง
เริ่มกันด้วย ‘เห็ดหัวลิง’ หรือ Lion’s Mane ซึ่งถือเป็นมาสเตอร์พีซของ Earthling Mushroom Farm ด้วยสรรพคุณในการฟื้นฟูการทำงานของสมองและระบบประสาท จึงช่วยบำรุงสมองและเสริมความจำ ทั้งยังมีส่วนช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์ได้
แม้จะเป็นเห็ดที่มีสรรพคุณทางยาที่เรียกว่า Functional Mushroom แต่เห็ดชนิดนี้ก็มีรสชาติหวานอร่อย ติดขมปลายนิด ๆ ซึ่งหากเก็บในช่วงที่เห็ดไม่แก่เกินไปก็แทบไม่มีความขมเลย และส่วนที่เป็นเอกลักษณ์ของเห็ดหัวลิงเลยก็คือเท็กซ์เจอร์ ซึ่งมีขนปุย อุ้มน้ำ และรสสัมผัสที่เหมือนเนื้อปู
เชฟส่วนใหญ่จึงนำไปทำซุปหรือกระเพาะปลาด้วยคุณสมบัติที่ซึมซับรสชาติน้ำซุปได้ดี นอกจากนี้ยังนิยมนำไปทำสเต๊กเพราะมีเนื้อแน่น ฉีกเป็นแผ่นและเซียร์กับกระทะแทนเนื้อสัตว์ได้เลย
2. Golden Pleurotus : เห็ดนางรมทอง
ถัดมากับ ‘เห็ดนางรมทอง’ หรือ Golden Pleurotus ซึ่งไม่ได้มีแค่สีสันเท่านั้นที่สะดุดตา แต่ยังมีกลิ่นที่โดดเด่นที่สุดในบรรดาเห็ดทั้งหมดของ Earthling Mushroom Farm มาพร้อมรสชาติอูมามิ และเวลานำไปทำอาหารเห็ดนางรมทองก็คงความกรอบได้ดีมากด้วย
Photo by Earthling Mushroom Farm


3. Pink Oyster : เห็ดนางรมชมพู
เห็ดที่มีสีสันสดใสรูปทรงคล้ายพัดนี้ คือ ‘เห็ดนางรมชมพู’ หรือ Pink Oyster ซึ่งนอกจากรูปลักษณ์ภายนอกที่สวยงาม ยังมีรสชาติที่ชวนว้าวเพราะหากได้ลองกินแล้วจะรู้สึกไม่เหมือนเห็ดเลยสักนิด แถมไม่มีกลิ่นที่บ่งบอกว่าเป็นเห็ด ยิ่งถ้านำไปย่างจะได้รสชาติและเท็กซ์เจอร์ที่คล้ายปลาหมึกอย่างไม่น่าเชื่อ
4. King Blue : เห็ดนางรมสีน้ำเงิน
‘เห็ดนางรมสีน้ำเงิน’ หรือ King Blue เป็นสายพันธุ์ที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยผสมระหว่างเห็ดนางรมฟ้า (Blue Oyster) และเห็ดออรินจิ (King Oyster) เพื่อดึงเอาลักษณะเด่นออกมานั่นก็คือเนื้อที่แน่นขึ้น โดยเห็ดนางรมสายพันธุ์นี้จะมีหมวกเห็ดออกสีน้ำเงิน เนื้อสัมผัสแน่นหนึบ อีกทั้งมีรสชาติและกลิ่นเฉพาะของเห็ดชัดที่สุด แถมเมื่อนำไปทำอาหารยังได้ความกรอบและความฉ่ำแบบสุด ๆ


5. Black Pearl Oyster : เห็ดนางรมไข่มุกสีดำ
อีกหนึ่งสายพันธุ์ที่ใกล้เคียงกับเห็ดนางรมสีน้ำเงิน (King Blue) ก็คือ ‘เห็ดนางรมไข่มุกสีดำ’ หรือ Black Pearl Oyster แต่เห็ดชนิดนี้จะมีเท็กซ์เจอร์ที่แน่นกว่า โดยเป็นสายพันธุ์ที่ผสมระหว่าง ‘เห็ดออรินจิ’ (King Oyster) และ ‘เห็ดนางรม’ (Pearl Oyster) จึงเป็นเห็ดที่มีหมวกหรือส่วนหัวของเห็ดสีออกเทา ๆ คล้ายไข่มุก มีก้านเยอะ เนื้อแน่นกรอบ และให้รสชาติคล้ายเห็ดออรินจิแต่กลิ่นไม่แรงเท่า
6. Coral Tooth : เห็ดปะการัง
สายพันธุ์สุดท้ายที่หน้าตาเหมือนปะการังนี้มีชื่อว่า ‘เห็ดปะการัง’ หรือ Coral Tooth มีสรรพคุณที่ช่วยบำรุงสมองเช่นเดียวกับเห็ดหัวลิงเพราะอยู่ในตระกูลเดียวกัน ต่างกันตรงที่เห็ดหัวลิงจะมีเท็กซ์เจอร์คล้ายเนื้อปู ส่วนเห็ดปะการังจะคล้ายกระเพาะปลา เมื่อกัดเข้าไปจะสัมผัสได้ถึงความพองตัวและอมน้ำ มีรสชาติหวานและเผ็ดที่โคนลิ้น สามารถกินได้ทั้งแบบสดหรือจะนำไปทำอาหารเหมือนเห็ดหัวลิงก็ได้


6. Coral Tooth : เห็ดปะการัง
สายพันธุ์สุดท้ายที่หน้าตาเหมือนปะการังนี้มีชื่อว่า ‘เห็ดปะการัง’ หรือ Coral Tooth มีสรรพคุณที่ช่วยบำรุงสมองเช่นเดียวกับเห็ดหัวลิงเพราะอยู่ในตระกูลเดียวกัน ต่างกันตรงที่เห็ดหัวลิงจะมีเท็กซ์เจอร์คล้ายเนื้อปู ส่วนเห็ดปะการังจะคล้ายกระเพาะปลา เมื่อกัดเข้าไปจะสัมผัสได้ถึงความพองตัวและอมน้ำ มีรสชาติหวานและเผ็ดที่โคนลิ้น สามารถกินได้ทั้งแบบสดหรือจะนำไปทำอาหารเหมือนเห็ดหัวลิงก็ได้

รู้จักเห็ดทั้ง 6 สายพันธุ์จาก Earthling Mushroom Farm กันแล้ว หลายคนอาจสงสัยว่านอกจาก ‘เห็ดหัวลิง’ และ ‘เห็ดปะการัง’ ที่ช่วยบำรุงสมอง แล้วเห็ดสายพันธุ์อื่น ๆ มีประโยชน์อย่างไรบ้าง
จริง ๆ แล้ว เห็ดโดยทั่วไปจะมีโปรตีนสูงอยู่แล้ว แต่ในตัวเห็ดจะเป็นน้ำกว่า 90% ดังนั้นจึงต้องนำเห็ดไปอบแห้งเพื่อให้ได้ปริมาณโปรตีนที่สูงขึ้น ซึ่งหากเทียบกับโปรตีนแพลนต์เบสในปริมาณที่เท่ากัน เห็ดก็ให้โปรตีนที่สูงกว่าแถมยังได้รสสัมผัสที่ดีกว่า ยิ่งไปกว่านั้นเห็ดแต่ละสายพันธุ์ยังมีวิตามินที่ไม่เหมือนกัน อย่าง ‘เห็ดนางรมชมพู’ หรือ Pink Oyster ก็เป็นเห็ดที่มีวิตามิน B สูง
ทั้งสรรพคุณ รสชาติ และเท็กซ์เจอร์ของเห็ดที่มีความยูนีคทำให้ Earthling Mushroom Farm เป็นฟาร์มเห็ดที่แตกต่างจากที่อื่น และด้วยราคาที่ค่อนข้างสูงจึงไม่แปลกที่ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นร้านอาหารระดับไฮเอนด์แนว Fine Dining หรือ Chef’s Table
ว่าแล้วก็บุกไปดูเบื้องหลังการเพาะวัตถุดิบสุดพรีเมียมของฟาร์มเห็ดแห่งนี้กันเลย!

ก่อนจะพาไปบุกฟาร์มเห็ด เราขอแนะนำให้รู้จักผู้ก่อตั้งฟาร์มเห็ดแห่งนี้กันสักหน่อย
‘คุณแซม เทอร์เนอร์’ และ ‘คุณอเล็กซ์ เทอร์เนอร์’ คือสองพี่น้องชาวอเมริกันผู้หลงใหลในจักรวาลเห็ดและผูกพันกับประเทศไทย
โดย ‘คุณแซม’ เรียนทำอาหารที่ Le Cordon Bleu Dusit และกลับไปทำฟาร์มเห็ดที่บ้านเกิดในฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา ส่วน ‘คุณอเล็กซ์’ เรียนด้าน Entrepreneurship และทำงานสาย E-commerce อยู่ที่ไทย
จนวันหนึ่งทั้งคู่ก็ตัดสินใจร่วมกันว่าจะย้ายถิ่นมาเป็นเพื่อนบ้านหน้าใหม่ในซอยอ่อนนุช 17 และเปิดกิจการฟาร์มเห็ดแบบอินดอร์ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของ Earthling Mushroom Farm นั่นเอง
หากคุณชอบกินเห็ดหรือสนใจเรื่องการทำฟาร์มเห็ดในเมือง คงมีไม่กี่สถานที่ในกรุงเทพฯ ที่เปิดโอกาสให้คุณเข้ามาลองสัมผัสประสบการณ์ในฟาร์มเห็ดที่ไม่เหมือนใคร
คุณต้อ : “การทัวร์ฟาร์มเห็ดแทบจะเป็นกิจกรรมที่เกิดขึ้นมาแรก ๆ ของฟาร์มเลยครับ จริง ๆ เราไม่ได้คาดหวังอะไรเลย แต่ที่เราตัดสินใจเปิดฟาร์มเพราะเชฟที่เป็นลูกค้าเราส่วนใหญ่มักจะขอเข้ามาเยี่ยมชมฟาร์มและดูวิธีการเลี้ยงเห็ด คุณแซมและคุณอเล็กซ์เลยได้ไอเดียว่าเวลาลูกค้าเข้ามาดูฟาร์มเขาดูว้าวและแฮปปี้ดี เลยตกลงกันว่าเรามาทำฟาร์มทัวร์กันดีกว่า”
คุณฟิวส์ : “คนที่มาทัวร์ฟาร์มก็จะได้ความรู้กลับไป อย่างที่ผ่านมาก็มีนักเรียนมาทัศนศึกษาประมาณ 30 กว่าคน มาเรียนรู้วัฏจักรของเห็ด ซึ่งเห็ดความจริงมันก็คือรา และราก็มีหลายกลุ่ม แต่คนไทยบางคนจะรู้สึกกลัวรา คิดว่าถ้าสูดเข้าไปเยอะ ๆ หรือกินเยอะ ๆ มันจะเป็นอะไรไหม ซึ่งปัจจุบันหลายคนก็ยังมีความเชื่อนี้อยู่ การจัดทัวร์นี้ถือเป็นวิธีหนึ่งในการแชร์ความรู้ที่ครอบครัวสามารถพาเด็ก ๆ มา หรือไม่ว่าใครก็มาได้”


เราเริ่มต้นทัวร์ฟาร์มโดยมีคุณฟิวส์ผู้มีความรู้เรื่องเห็ด มาเป็นไกด์ที่คอยให้ข้อมูลกับเราตลอดการทัวร์วันนี้ ซึ่งฟาร์มเห็ด Earthling Mushroom Farm จะแบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 ห้องหลัก ๆ ได้แก่ ห้องเพาะเชื้อ ห้องบ่ม และห้องเปิดดอก
เริ่มจากห้องแรกซึ่งเป็นแล็บที่ใช้ในการเพาะเชื้อ คุณฟิวส์สาธิตให้เราดูการเลี้ยงเชื้อบนเพลตอันกลม ๆ พร้อมอธิบายถึงอาหารของเห็ดที่เรียกว่า ‘Liquid Culture’ ซึ่งการมีแล็บไว้เพาะเชื้อเองถือเป็นจุดแข็งที่ทำให้ Earthling Mushroom Farm พิเศษกว่าฟาร์มอื่น ๆ
คุณฟิวส์ : “เห็ดที่นี่จะแตกต่างจากฟาร์มอื่นเพราะเราเริ่มตั้งแต่การเตรียมหัวเชื้อและการเพาะเชื้อ ในส่วนนี้ต้องใช้เทคนิคทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งผมเองก็จบสายพฤกษศาสตร์ เคยทำโปรเจกต์เกี่ยวกับราและเห็ดที่ต้องโตพร้อมต้นไม้เลยพอมีความรู้ด้านนี้ บวกกับมีคุณแซมมาช่วยสอนเทคนิคของเขาด้วย”
“นอกจากเชื้อเห็ดหลาย ๆ ตัวของเราที่ในไทยจะไม่ค่อยมีให้เห็นทั่วไป หากมีเห็ดสายพันธุ์ใหม่ ๆ เข้ามา เราก็จะทำรีเสิร์ชด้วยว่าเห็ดตัวนี้ต้องการสภาพแวดล้อมแบบไหนแล้วก็ลองเพาะดู พอเห็ดโตแล้วลูกค้าชอบเราก็ทำต่อ แต่ถ้าเรายังไม่อยากโฟกัสเป็นตัวหลักก็อาจจะค่อย ๆ ทำไป ซึ่งคุณแซมกับคุณอเล็กซ์ก็ชอบที่เราได้ทดลองอะไรใหม่ ๆ ด้วยครับ”
หลังจากปล่อยให้เชื้อเห็ดบนเพลตสร้างเส้นใยแล้ว ก็นำมาใส่ขวดแก้วที่บรรจุข้าวฟ่างแดง และเมื่อเส้นใยเห็ดลามเต็มขวดก็ย้ายมาใส่ถุงใบใหญ่เพื่อให้เห็ดมีพื้นที่ในการเติิบโตมากขึ้น ซึ่งในถุงจะบรรจุอาหารของเห็ดที่ประกอบด้วบเปลือกถั่วเหลืองและขี้เลื่อย
แม้วิธีการของ Earthling Mushroom Farm จะยากและใช้เวลานานกว่าวิธีที่ฟาร์มทั่วไปทำกัน ซึ่งฟาร์มส่วนใหญ่แค่ซื้อก้อนเห็ดสำเร็จมาวางและรอเปิดดอกอย่างเดียว แต่การลงทุนทำเองทุกขั้นตอนก็มีข้อดีตรงที่สามารถคุมมาตรฐานได้มากกว่า
คุณต้อ : “มันคือความใส่ใจในทุกขั้นตอนว่าเราต้องสะอาดอยู่เสมอ ทุกห้องเราทำความสะอาดกันแทบจะตลอดเวลา อาหารของเห็ดก็ต้องอบฆ่าเชื้อก่อน และเห็ดจะเติบโตในถุงที่ผ่านการฆ่าเชื้อเรียบร้อยแล้ว เห็ดจึงแทบไม่เจออากาศด้านนอกเลยจนกว่าเราจะกรีดถุงเพื่อเปิดดอก”
“เราต้องทำงานกับสิ่งที่มองไม่เห็นคือเชื้อราหรือเชื้อโรคที่มีอยู่ในอากาศ เราจึงต้องป้องกันไม่ให้มันเข้าไปเจอกับเชื้อเห็ดของเรา เพราะสุดท้ายแล้วต้นทุนที่มีค่ามากที่สุดของเราคือ ‘เวลา’ เราเพาะเชื้อขึ้นมาต้องรอกัน 3-4 เดือน ถึงจะรู้ว่าใช้ได้หรือไม่ได้ แล้วในแต่ละขั้นตอนก็ใช้เวลากันเป็นเดือน ๆ กว่าจะเห็นผล ถ้าเกิดมันไม่ได้ก็แปลว่าเราเสียเวลาตรงนั้นไปเลย”


เมื่อเพาะเชื้อในถุงเรียบร้อยก็มาถึงขั้นตอนที่ต้องนำเห็ดไปบ่มในห้องมืดที่มีอุณหภูมิพอเหมาะประมาณ 25°C ซึ่งเป็นช่วงที่เห็ดจะอยู่ในระยะเส้นใย เรียกว่า ‘ไมซีเลียม’ (Mycylium) หลังจากบ่มไว้ประมาณ 2 อาทิตย์จนไมซีเลียมแน่นเต็มถุง และมีหน้าตาเป็นก้อนแข็ง ๆ ก็ถึงเวลาที่เห็ดจะเข้าสู่ระยะดอก (Fruiting Body)
โดยก่อนจะย้ายไปห้องเปิดดอกต้องพับถุงเพื่อไล่อากาศ และกรีดถุงด้านบนเป็นรูปกากบาทเพื่อบังคับให้เห็ดออกดอกเฉพาะจุดที่กรีดถุงเท่านั้น เห็ดจะได้ไม่ออกดอกสะเปะสะปะหรือแย่งอาหารกัน และออกดอกเป็นช่อที่สวยงาม

ต่อมาคือห้องเปิดดอกที่จะต้องคุมปัจจัยถึง 3 อย่างด้วยกัน ได้แก่ อุณหภูมิ (15-20°C), ความชื้น (85-95%) และสุดท้ายคือแสงที่เพียงพอต่อการเจริญเติบโต ซึ่งเห็ดมีความเซนซิทีฟมาก แค่ด้านนอกฝนตกก็อาจทำให้เกิดความชื้นมากเกินไป ดังนั้นเห็ดจึงต้องเอาใส่ใจเป็นพิเศษเพื่อควบคุมคุณภาพให้คงที่

ทุกเช้าเย็น สตาฟของ Earthling Mushroom Farm จะเข้ามาเช็คว่าเห็ดพร้อมที่จะเก็บแล้วหรือยัง ซึ่งเห็ดแต่ละสายพันธุ์ก็มีวิธีสังเกตที่ต่างกันโดยเห็ดที่เก็บนั้นไม่ควรแก่เกินไป ที่สำคัญทางฟาร์มยังมีกฎเหล็กว่าจะไม่ขายเห็ดที่เก็บมานานเกิน 24 ชั่วโมง
คุณต้อ : “ถ้าเป็นลูกค้าในกรุงเทพฯ สั่งปุ๊บก็จะได้เห็ดภายใน 1 ชั่วโมง เพราะเห็ดที่สดใหม่จะยังคงสีสันและเท็กซ์เจอร์ที่ดีเอาไว้ แต่ถ้าเราไปพยายามยืดอายุเห็ดโดยเพิ่มความชื้นหลังจากที่เก็บไปแล้ว เห็ดจะเป็นเหมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำ ทำให้เท็กซ์เจอร์ของเห็ดเวลาเอาไปทำอาหารจะไม่กรอบอร่อยเหมือนเห็ดสด ๆ”
“สังเกตง่าย ๆ เห็ดตามซูเปอร์มาร์เก็ตที่วางขายบนเชลฟ์มา 4-5 อาทิตย์ ถึงแม้จะยังขาวและดูดีอยู่ แต่เวลาเราเอาไปผัดน้ำในเห็ดจะออกมาเยอะมาก ซึ่งเห็ดของเราถ้าเป็นลูกค้าที่สั่งกันทุกวันจะดูรู้เลยว่าเห็ดสดไหม เพราะผ่านไปแค่วันเดียวสีของเห็ดก็จะคล้ำลงแล้ว ซึ่งมันคือธรรมชาติที่ควรจะเป็น เราจะไปหลอกลูกค้าไม่ได้”
”แต่ถ้าลูกค้าเอาไปแช่ต่อในตู้เย็นแล้วสีมันคล้ำหรือดร็อปลงไปบ้าง ส่วนใหญ่เขาก็จะเข้าใจกันอยู่แล้วว่ามันไม่ได้ส่งผลกับเท็กซ์เจอร์หรือรสชาติ เราแค่ไม่อยากส่งเห็ดหน้าตาหมอง ๆ ไปให้ลูกค้าก็เท่านั้นเอง โดยลูกค้าสามารถเก็บเห็ดในตู้เย็นได้อีกอาทิตย์หนึ่งสบาย ๆ ยกเว้นเห็ดนางรมชมพู หรือ Pink Oyster ที่จะอยู่ได้แค่ 3 วัน”

ได้เห็นกระบวนการเพาะเห็ดตั้งแต่ต้นจนจบกันแล้ว อีกหนึ่งไฮไลต์ของการทัวร์ฟาร์มที่พลาดไม่ได้ คือการชิมเห็ดหลากหลายชนิดที่หากินไม่ได้ง่าย ๆ โดยกิจกรรมชิมเห็ดนี้รวมอยู่ในแพ็กเกจฟาร์มทัวร์ในราคาหลักร้อย ซึ่งเราพูดได้เลยว่าเกินคุ้ม!
.
พอได้ลองชิมเห็ดก็ไม่อยากเชื่อลิ้นตัวเองว่า แค่ทาเนยบนเห็ดและเสียบไม้ย่างกับเตาถ่านธรรมดา ๆ มันจะอร่อยได้ขนาดนี้ โดยเฉพาะเห็ดหัวลิงและเห็ดนางรมสีชมพูที่ทำเราเซอร์ไพรส์ เพราะทั้งกลิ่น รสชาติ และเท็กซ์เจอร์นั้นไม่เหมือนเห็ดที่เคยกินมาก่อนเลย จะกินเปล่า ๆ ก็อร่อย หรือกินกับน้ำจิ้มซีฟู้ดที่ใส่ถั่วลงไปด้วยก็ยิ่งเด็ด
.
ใครเป็นสายอีทและชอบทำอาหาร สามารถสั่งซื้อเห็ดสดแบบ Box set ทางออนไลน์ได้ที่ https://www.earthlingsuperfoods.com/collections/fresh-mushrooms
หรือจะไปเลือกซื้อเห็ดสด ๆ จากฟาร์มก็ได้เช่นกัน
นอกจากเห็ดสดแล้ว Earthling Mushroom Farm ยังมีโปรดักต์แปรรูปจากเห็ดให้เลือกซื้อมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสารสกัดจากเห็ดในรูปแบบแคปซูลและแบบผงที่ีมีสรรพคุณหลากหลาย เช่น ช่วยให้หลับดีขึ้น ช่วยเพิ่มการโฟกัส ช่วยชะลอวัย ช่วยเรื่องระบบย่อย ช่วยต้านมะเร็ง เป็นต้น หรือจะเป็นโปรดักต์ที่ทานง่าย ๆ อย่างกาแฟเห็ด น้ำผึ้งเห็ด กัมมี่เห็ด ไปจนถึงเห็ดอบแห้งหรือเห็ดดองออร์แกนิกก็มีขาย
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมและตามไปอุดหนุนกันได้ที่เว็บไซต์ https://www.earthlingsuperfoods.com/pages/supplements


ก่อนกลับเราถามถึงอนาคตของธุรกิจฟาร์มเห็ดว่า สามารถต่อยอดเป็นอะไรที่สร้างความยั่งยืนได้บ้าง ซึ่งคำตอบของคุณฟิวส์และคุณต้อ ทำให้เราเห็นถึงความเป็นไปได้ใหม่ ๆ เกี่ยวกับเห็ด
คุณฟิวส์ : “สมัยนี้เราพูดกันถึงเรื่องความยั่งยืน คาร์บอนเครดิต การใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า รวมไปถึงแนวคิด zero waste ถ้าถามว่าในอนาคตฟาร์มเห็ดจะไป apply กับอย่างอื่นได้ไหม ผมยกตัวอย่าง ‘ไมซีเลียม’ (เส้นใยของเห็ดรา) เป็นวัสดุทางเลือกที่ย่อยสลายได้ ซึ่งสามารถเอาไปใช้แทนอิฐ ทำแพ็กเกจจิง หรือแม้แต่เป็นเส้นใยเสื้อผ้า”
คุณต้อ : “ลูกค้าของฟาร์มบางคนเขาก็อยากได้ก้อนเห็ดที่เราไม่ใช้แล้วไปเพาะต่อ เพราะเราเก็บเห็ดกันแค่สองรอบ เนื่องจากเห็ดที่งอกรอบหลัง ๆ ไซซ์จะเล็กลง แต่มันยังมีเชื้อเห็ดอยู่อีกเพียบเลย ถ้าเอาไปเลี้ยงต่อดี ๆ เห็ดก็ขึ้นมาอีกได้”
“หรือจะเอาไปผสมดินทำปุ๋ยเลยก็ได้ เพราะเชื้อราคือผู้ย่อยสลายชั้นดี ซึ่งปัจจุบันเราก็บริจาควัสดุที่เหลือจากการเพาะเห็ดให้ กทม. อย่างถังสีเขียวใหญ่ ๆ หน้าฟาร์มเราก็เอาไว้ใส่ขี้เลื่อยโดยเฉพาะให้ กทม. มาขนไป ส่วนถุงพลาสติกที่เราใช้อยู่ก็แยกทิ้งเพราะเป็นถุงที่ย่อยสลายได้”

ส่วนของฟาร์มเห็ด Earthling Mushroom Farm เองก็มีแพลนที่จะพัฒนาต่อไปเรื่อย ๆ อย่างในอีก 1-2 ปีข้างหน้าก็จะมีการเพิ่มเห็ดสายพันธุ์ใหม่ ๆ เข้ามา รวมถึงมีการปรับปรุงฟาร์มให้ใหญ่ขึ้น ซึ่งคุณต้อบอกกับเราว่าในอนาคตอาจจะมีการขยับขยายหรือเพิ่มสาขาไปที่อื่น เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด เพราะหลังจากทำฟาร์มเห็ดมาได้แค่หนึ่งปีก็มีคนสนใจเรื่องเห็ดกันเยอะเกินคาด
อ่านมาถึงตรงนี้ เราขอแนะนำให้คุณลองไปสำรวจอาณาจักรเห็ดที่ Earthling Mushroom Farm กันดูสักครั้ง โดยสามารถจองฟาร์มทัวร์ผ่านเว็บไซต์ได้เลย
https://www.earthlingsuperfoods.com/products/earthling-bangkok-farm-tour