ปากคลองตลาด

สัมผัสเสน่ห์ของย่าน พร้อมเช็กอินร้านเพื่อนบ้าน กับศิลปินนักวาดดอกไม้ ‘คุณชะเอม WHITE HAT.’


ลิสต์ร้านที่เราจะไปทัวร์ย่านปากคลองตลาดกันวันนี้ เรานัดกันที่ร้าน ‘FARM to TABLE, Hideout’ เพื่อปลุกความสดใสของวันด้วยไอศกรีมเจลาโต้  ก่อนไปเดินช้อปดอกไม้กันที่ร้านโปรดของคุณชะเอมอย่าง ‘Peony’ และร้าน ‘Dee Dee Flower’ ที่ขายดอกไม้นำเข้าจากต่างประเทศ รวมถึงร้าน ‘Thai Flower & Cupid Bloom’ ที่มีมุมให้เราได้เลือกดอกไม้ได้ตามใจชอบ เพื่อนำมาจัดช่อสวย ๆ ด้วยตัวเอง

คุณชะเอมยังพาเราแวะซื้อขนมเอแคลร์หงส์ไส้ทะลักที่ร้าน ‘พรเบเกอรี่’ ต่อด้วยทานมื้อเที่ยงที่ร้าน ‘เนื้อหอม คาเฟ่’ ซึ่งขอคอนเฟิร์มว่าข้าวหน้าเนื้อเขาเด็ดจริง ก่อนปิดท้ายกันที่ร้าน ‘5 a.m.’ คาเฟ่เก๋ที่ขายน้ำเต้าหู้แบบ Specialty หนึ่งเดียวในย่านและหนึ่งเดียวในไทย!


เริ่มต้นทริปกันด้วยการเดินทางมายังปากคลองตลาด ซึ่งเดี๋ยวนี้มีตัวเลือกการเดินทางมากมาย โดยเฉพาะรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สนามไชยที่สะดวกสบาย ทำให้คนรุ่นใหม่หันมาเที่ยวปากคลองตลาดกันมากขึ้น


นอกจากนี้ ยังสามารถเดินทางด้วยเรือด่วนเจ้าพระยา (ธงฟ้า, ธงส้ม) ซึ่งได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพราะจะได้ชมวิวสวย ๆ ระหว่างนั่งเรือ แถมยังเดินทางง่ายเพราะสามารถนั่งมาลงที่ท่าเรือปากคลองตลาด หรือท่าเรือยอดพิมานได้เลย


วันนี้คุณชะเอมขับรถคู่ใจที่เธอตั้งชื่อเล่นให้ว่า ‘มัทฉะ’ มายังปากคลองตลาด ซึ่งเธอมักจะพามาด้วยทุกครั้ง เพราะนอกจากมัทฉะจะช่วยขนดอกไม้กลับบ้านแล้ว การขับรถส่วนตัวมาปากคลองตลาดยังสะดวกเรื่องที่จอดรถ เพราะเดี๋ยวนี้ปากคลองตลาดมี ‘ที่จอดรถลิฟต์ยอดพิมาน’ พร้อมให้บริการ 24 ชั่วโมง ซึ่งเป็นที่จอดรถระบบลิฟต์สุดทันสมัย รองรับได้กว่า 300 คัน จึงไม่ต้องเสียเวลาวนหาที่จอดให้ยุ่งยาก

ก่อนเริ่มทริปเราขอหยิบประวัติปากคลองตลาดจากไกด์บุ๊ก ‘Bloom for New Gen’ มาเล่าสู่กันฟังคร่าว ๆ โดยขอย้อนไทม์ไลน์กลับไปในสมัยรัตนโกสินทร์ ‘ปากคลองตลาด’ เคยเป็นตลาดขายปลาแหล่งใหญ่ด้วยทำเลที่สะดวกในการสัญจรทางน้ำ

ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5 – 7 ได้มีการสร้างตึกแถว รวมถึง ‘สะพานพุทธยอดฟ้า’ ที่กลายมาเป็นแลนด์มาร์กสำคัญของย่าน รวมทั้งเปลี่ยนจากตลาดปลามาเป็นตลาดขายผักผลไม้และอาหารแห้ง

หลังจากนั้นในสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม จึงเกิด ‘ตลาดยอดพิมาน’ เมื่อ พ.ศ. 2504 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการขายดอกไม้ และในอีกไม่กี่ปีต่อมา โรงหนังเอ็มไพร์และรถรางก็ได้ถือกำเนิดขึ้นทำให้ปากคลองตลาดเข้าสู่ยุครุ่งเรือง และเปลี่ยนผ่านไปตามยุคสมัยมาจนถึงยุคปัจจุบัน

หากใครทันช่วง พ.ศ. 2538 – 2542 อาจจะคุ้นตากับภาพปากคลองตลาดที่มีแผงขายดอกไม้ขยับขยายมาขายกันเต็มฟุตบาธ จนกระทั่งช่วง พ.ศ. 2552 – 2557 ได้มีการจัดระเบียบทางเท้า แผงดอกไม้ริมฟุตบาธจึงย้ายเข้าไปขายในตลาดยอดพิมานแทน ทำให้ปากคลองตลาดเปลี่ยนโฉมเป็นย่านที่น่าเดินมากขึ้น

ปัจจุบันปากคลองตลาดถือเป็นตลาดดอกไม้ที่ใหญ่สุดในไทย โดยมีตลาดย่อย 3 แห่ง ได้แก่ ‘ตลาดยอดพิมาน’ ที่ขายเฉพาะดอกไม้ ‘ตลาดองค์การปกครอง’ จะเน้นขายผักและของสด และ ‘ตลาดส่งเสริมเกษตรไทย’ ขายทั้งผักผลไม้และดอกไม้ด้วยนั่นเอง

หมุดหมายแรกของวันนี้เรามากันที่ ‘FARM to TABLE, Hideout’ เพื่อนบ้านสุดอินโทรเวิร์ดที่ซ่อนตัวอยู่ในตลาดส่งเสริมเกษตรไทย ซึ่งต้องเดินลัดเลาะเข้ามาในซอยเล็ก ๆ แต่หากเดินตาม Google Maps มาเรื่อย ๆ ก็เจอร้านนี้ได้ไม่ยาก

เดินมาไม่ไกลเราก็พบกับหน้าร้านที่เขียวขจีไปด้วยต้นไม้สุดร่มรื่น เมื่อเข้ามาด้านในจึงค่อย ๆ เผยให้เห็นตัวร้านในบรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเอง เหมาะกับการหลีกหนีความวุ่นวายมาพักใจเพราะแม้แต่เจ้าเหมียวก็เอนตัวนอนสบายแบบไม่สนใครทั้งนั้น

FARM to TABLE, Hideout
เปิดทุกวัน (ยกเว้นวันพุธ) 9.00 – 19.00 น.
Tel. 02-004-8771
Line : https://line.me/R/ti/p/@farmtotable_gelato
Google Maps : https://maps.app.goo.gl/RvS2B8uxU2kqdnbR9

‘Farm to Table, Hideout’ เป็นหนึ่งในร้านโปรดที่คุณชะเอมต้องแวะมาทานทุกครั้งที่มาปากคลองตลาด
.
“ส่วนใหญ่เวลาพาแม่มาซื้อดอกไม้ก็จะมาที่ร้าน ‘Farm to Table, Hideout’ ด้วยตลอด เพราะการมาปากคลองตลาดนอกจากจะตั้งใจมาซื้อดอกไม้กลับไปทำงานแล้ว ยังมีจุดมุ่งหมายอื่น ๆ เหมือนได้พาคุณแม่มาเที่ยวด้วย ซึ่งที่นี่ก็มีร้านน่าแวะที่คนอาจยังไม่ค่อยรู้”

“อย่างร้านนี้ก็เป็นคาเฟ่แนว hidden gem ตามชื่อ ‘Farm to Table, Hideout’ ซึ่งที่ร้านก็มีอาหารน่าทานหลายอย่าง ทั้งเมนูผักออร์แกนิกจากฟาร์มที่เชียงราย ไอศกรีมเจลาโต้โฮมเมดมิกซ์กับขนมไทย โดยที่ร้านจะเสิร์ฟมาในถ้วยจานเซรามิกจากเชียงราย กลายเป็นเอกลักษณ์ของร้านนี้ที่ไม่เหมือนที่อื่น”

ของหวานที่เป็นซิกเนเจอร์ของร้าน ‘Farm to Table, Hideout’ ต้องยกให้ขนมไทยที่เสิร์ฟคู่กับไอศกรีมเจลาโต้ ซึ่งเราสามารถเลือกขนมและรสชาติของไอศกรีมได้ตามใจ โดยทางร้านจะเปลี่ยนรสไอศกรีมไปเรื่อย ๆ ตามฤดูกาล

อย่างวันนี้เราเลือกสั่ง ‘ขนมกล้วย/ฟักทอง+เจลาโต้’ (95 บาท) ด้วยหน้าตาขนมที่เป็นรูปทรงดอกไม้เข้ากับย่านปากคลองตลาด รสชาติหวานอร่อยหนึบหนับ ตัดด้วยไอศกรีมเจลาโต้ ‘รสดอกกุหลาบราสเบอร์รี่ลิ้นจี่’ ซึ่งเป็นรสชาติพิเศษในช่วงเดือนกุมภาพันธ์กับความเปรี้ยวจี๊ดใจที่มาช่วยเพิ่มความสดชื่น

ระหว่างนั่งทานไอศกรีมเราชวนคุณชะเอมพูดคุยถึงความหลงใหลในดอกไม้

“จริง ๆ แล้วชะเอมเรียนด้านแฟชั่นดีไซน์ที่คณะมัณฑนศิลป์ ม. ศิลปากร แล้วเราชอบวาดรูป เมื่อก่อนก็มีความสนใจในดอกไม้อยู่บ้างแต่ยังไม่เคยไปสัมผัส เพราะเราทำงานออฟฟิศเป็นดีไซเนอร์ให้กับแบรนด์เสื้อผ้าแบรนด์หนึ่ง”

“แต่หลังจากที่ออกจากงานประจำก็มีโอกาสได้ไปเที่ยวดอยหลวงเชียงดาว ซึ่งเป็นการไปเทรกกิ้งครั้งแรกของเรา ตอนนั้นเพื่อนลากไปก็ค่อนข้างทรหดเพราะไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย แต่พอผ่านครึ่งทางไปแล้วเราได้เห็นความสวยงาม แล้วก็ได้เห็นดอกไม้แปลก ๆ เยอะมาก”

“ด้วยระดับความสูงของดอยหลวงเชียงดาวเลยมีพืชพันธุ์ที่ไม่เหมือนภูเขาอื่น ๆ ในไทย อย่างดอกเทียนนกแก้วก็เป็นดอกไม้ที่พบได้ที่ดอยหลวงเชียงดาวเท่านั้น หลังจากนั้นมาเราก็ชอบทั้งเดินป่าและชอบวาดรูปเกี่ยวกับธรรมชาติ”

‘Farm to Table, Hideout’ เป็นหนึ่งในร้านโปรดที่คุณชะเอมต้องแวะมาทานทุกครั้งที่มาปากคลองตลาด
.
“ส่วนใหญ่เวลาพาแม่มาซื้อดอกไม้ก็จะมาที่ร้าน ‘Farm to Table, Hideout’ ด้วยตลอด เพราะการมาปากคลองตลาดนอกจากจะตั้งใจมาซื้อดอกไม้กลับไปทำงานแล้ว ยังมีจุดมุ่งหมายอื่น ๆ เหมือนได้พาคุณแม่มาเที่ยวด้วย ซึ่งที่นี่ก็มีร้านน่าแวะที่คนอาจยังไม่ค่อยรู้”

“อย่างร้านนี้ก็เป็นคาเฟ่แนว hidden gem ตามชื่อ ‘Farm to Table, Hideout’ ซึ่งที่ร้านก็มีอาหารน่าทานหลายอย่าง ทั้งเมนูผักออร์แกนิกจากฟาร์มที่เชียงราย ไอศกรีมเจลาโต้โฮมเมดมิกซ์กับขนมไทย โดยที่ร้านจะเสิร์ฟมาในถ้วยจานเซรามิกจากเชียงราย กลายเป็นเอกลักษณ์ของร้านนี้ที่ไม่เหมือนที่อื่น”

หากให้เลือกดอกไม้เพื่อแทนตัวคุณชะเอมก็คงไม่พ้นดอกเดซี่และดอกป๊อปปี้สีขาว เพราะเป็นดอกไม้ที่คุณชะเอมหยิบมาฝึกวาดตั้งแต่ช่วงแรก ๆ และกลายมาเป็นลายเส้นซิกเนเจอร์ของ WHITE HAT. จนทุกวันนี้

“พอย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ เราก็เริ่มสะสมหนังสือ Botanical ที่เป็นหนังสือแนวภาพประกอบดอกไม้ซึ่งของไทยไม่ค่อยมี ส่วนใหญ่จะเป็นหนังสือจากต่างประเทศ เราก็เริ่มเปิดดูและเริ่มฝึกวาดมาเรื่อย ๆ”

“แรก ๆ ก็จะฝึกวาดดอกเดซี่และดอกป๊อปปี้ ซึ่งเป็นดอกไม้จากต่างประเทศที่มีในไทยและมีขายที่ปากคลองตลาดด้วย พอเราเห็นจากในภาพแล้วได้มาเห็นของจริงก็รู้สึกว่ามันน่ารักดี เลยเริ่มวาดจากดอกไม้ที่มันใกล้ตัว”

“เดซี่เป็นดอกไม้ที่บริสุทธิ์ เป็นสิ่งเล็ก ๆ ที่ทำให้โลกสดใส ส่วนป๊อปปี้เป็นดอกไม้ประจำวันทหารผ่านศึก แต่จริง ๆ แล้วที่เราเลือกวาดสองดอกนี้ก็เพราะชอบฟอร์มของมันและเป็นดอกไม้ที่ไม่ค่อยได้เห็นบ่อย ๆ”

ด้วยความผูกพันที่มีกับย่านเสมือนเป็นเพื่อนบ้านอีกคน คุณชะเอมจึงทำโปรเจกต์ไกด์บุ๊ก ‘Bloom for New Gen’ เพื่อบอกเล่าเรื่องราวของปากคลองตลาดในหลากหลายแง่มุม ตั้งแต่การเดินทาง ประเภทร้านดอกไม้ ร้านอร่อยที่แนะนำ ประวัติความเป็นมา ไปจนถึงวิถีชีวิตของผู้คนในย่าน โดยมีภาพประกอบสุดคิวต์ที่ชวนให้อ่านจบทั้งเล่มแบบเพลิน ๆ

“ชะเอมมีโอกาสได้รู้จักกับ ‘อาจารย์หน่อง’ (ผศ.ดร.สุพิชชา โตวิวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ม.ศิลปากร) ที่ทำงานเกี่ยวกับการพัฒนาพื้นที่ปากคลองตลาดให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ประจวบเหมาะกับที่ชะเอมเรียน ป.โท นิเทศศิลป์ ลาดกระบัง เลยเลือกทำธีสิสในหัวข้อ ‘การออกแบบสื่อมัลติมีเดียเพื่อการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์’ ให้กับปากคลองตลาด”

“พอมาปากคลองตลาดบ่อย ๆ ก็เห็นว่าเด็กรุ่นใหม่ช่วงเจนซีมาเที่ยวที่นี่กันเยอะ แต่ปัญหาคือพอขึ้น MRT มาแล้ว เขาไม่รู้เลยว่าร้านอาหารอยู่ตรงไหน หรือร้านดอกไม้ที่นี่มีดอกอะไรบ้าง เราเลยทำไกด์บุ๊กขึ้นมาในรูปแบบ E-Book”

“ในเล่มจะมีคาแรกเตอร์ที่ชะเอมดีไซน์ขึ้นมาชื่อ ‘น้องบลูม’ ที่มีฟอร์มมาจากดอกดาวเรือง และ ‘น้องเจนนี่’ มีฟอร์มมาจากดอกบานไม่รู้โรย ซึ่งชะเอมตั้งใจให้เป็นดอกไม้ไทย เพราะปากคลองตลาดจะเน้นขายดอกไม้ไทยที่มาจากเกษตรกรทั่วประเทศ”

ตามไปลองอ่าน ‘Bloom for New Gen’ กันได้ที่ https://shorturl.at/HozMz


📍 PEONY

ร้านดอกไม้นำเข้าบรรยากาศคลาสสิก เลือกช้อปได้ในราคาน่ารัก

ถึงเวลาไปเดินเที่ยวตามรอยไกด์บุ๊ก ‘Bloom for New Gen’ กันแล้ว! เริ่มจากคุณชะเอมพาเราไปตะลุยช้อปดอกไม้
.
เพียงแค่เราเดินออกมาริมถนนจักรเพชรก็ละลานตาไปด้วยร้านดอกไม้ ซึ่งร้านส่วนใหญ่จะขายดอกไม้เมืองนอกกันเยอะ และมีให้เลือกหลากหลายสายพันธุ์ในราคาที่จับต้องได้
.
“ร้านดอกไม้เจ้าประจำของชะเอมก็มีร้าน ‘PEONY’ ที่ราคาน่ารัก ซึ่งดอกไม้ที่ซื้อส่วนใหญ่จะเป็นดอกไม้เล็ก ๆ ที่เอามาทับเป็นดอกไม้แห้งได้ เช่น ดอกเดซี่ ดอกไฮเดรนเยีย ดอกผีเสื้อ แล้วก็ดอกสุ่ยที่มีหลายสี หรือถ้าเป็นคาร์เนชันที่ดอกใหญ่หน่อย เราก็จะเอากลีบมาทับ ไม่ก็เอาไปใส่ในซิลิก้าเจล”
.
PEONY
เปิดทุกวัน 24 ชั่วโมง
Tel. : 02-085-5265
Google Maps : https://maps.app.goo.gl/zHGmkB24BRaZHreD9

พอเข้ามาในร้านเรากวาดสายตาไปเจอดอกเดซี่ ซึ่งเป็นดอกไม้ซิกเนเจอร์ของ WHITE HAT. คุณชะเอมเล่าเป็นความรู้ว่าดอกเดซี่ที่นี่จะมีสองไซซ์ ถ้าดอกใหญ่หน่อยจะเป็นเดซี่สายพันธุ์เมืองนอก ส่วนดอกเล็ก ๆ ดูกระจุ๋มกระจิ๋มนี้เป็นสายพันธุ์ไทยหรือจีนที่ปลูกได้บนดอยบ้านเรา

ในไกด์บุ๊กยังให้ความหมายของดอกเดซี่ไว้ด้วยว่า “Day’s Eye” เพราะดอกเดซี่จะบานเมื่อพระอาทิตย์ขึ้น และหุบเมื่อพระอาทิตย์ตก สื่อถึงความสุข ความสดใส ความบริสุทธิ์ และการเริ่มต้นใหม่


📍 Dee Dee Flower

ร้านดอกไม้เมืองนอกนานาพันธุ์
ที่รักษาความสวยสดไว้ในห้องเย็นฉ่ำ

ถัดมาอีกนิดจะเจอกับร้าน ‘Dee Dee Flower’ อีกหนึ่งร้านโปรดของคุณชะเอมที่ตอนอยู่หน้าร้านว่าว้าวแล้ว พอเดินผ่านแผงดอกไม้ที่แน่นขนัดเข้ามาด้านในสุดของร้านยิ่งว้าวกว่า เพราะเราจะได้สัมผัสกับไอเย็นที่ทางร้านควบคุมอุณหภูมิไว้เพื่อคงความสดของดอกไม้ให้สวยฉ่ำ

Dee Dee Flower
เปิดทุกวัน 24 ชั่วโมง
Tel. : 080-595-8661
Line : https://page.line.me/fub2585h
Google Maps : https://maps.app.goo.gl/sRqVFLSoRmhvuTaj6


📍 Thai Flower & Cupid Bloom
ร้านดอกไม้ในคอนเซปต์ Flower Bar 
เลือกดอกไม้ที่ชอบแล้วนำมาจัดช่อได้เอง

ไม่ไกลกันยังมีอีกร้านที่กำลังป๊อปปูลาร์สุด ๆ ชื่อ ‘Thai Flower & Cupid Bloom’ กับคอนเซปต์ Flower Bar ที่โดนใจคนรุ่นใหม่ เพราะสามารถเลือกดอกไม้จาก Bucket มาจัดช่อได้เอง ในราคาเริ่มต้นดอกละ 5 บาท แถมมีกระดาษห่อและริบบิ้นให้ฟรี หรือจะซื้อแบบสวย ๆ เพิ่มก็เลือกได้ตามสไตล์

Thai Flower & Cupid Bloom
เปิดทุกวัน 24 ชั่วโมง
Tel. 093-924-5519
Line : https://lin.ee/GPrwAdd
Google Maps : https://maps.app.goo.gl/gz5FDC8i6tyG15Rn9


ไม่ว่าจะวาเลนไทน์ วันไหว้ครู วันลอยกระทง หรือวันสำคัญใด ๆ ปากคลองตลาดก็มีดอกไม้สารพันที่คุณต้องการ เพราะนอกจากดอกไม้เมืองนอก หากเดินเข้ามาใน ‘ตลาดยอดพิมาน’ จะพบกับดอกไม้ไทยหลายชนิด เช่น ดอกมะลิ ดอกรัก ดอกกล้วยไม้ ดอกบานไม่รู้โรย โดยเฉพาะดอกดาวเรืองที่คุณชะเอมยกให้เป็นสัญลักษณ์ของปากคลองตลาด

“เมื่อพูดถึงปากคลองตลาดชะเอมจะนึกถึงดอกดาวเรือง เพราะที่นี่เป็นแหล่งขายดอกดาวเรืองเยอะที่สุด และเป็นดอกไม้ที่เราเห็นได้ตลอดไม่ว่าจะฤดูกาลไหน โดยดอกดาวเรืองที่ขายในปากคลองตลาดจะมาจากแหล่งปลูกทั้งทางภาคเหนือ ภาคตะวันออก และภาคตะวันตก”

หากมองหางานฝีมือจากดอกไม้แบบไทย ๆ ไม่ว่าจะเป็นพวงมาลัย กระทง ขันหมาก บายศรี พานพุ่ม หรือพวงหรีด ปากคลองตลาดก็มีช่างฝีมือที่สวมบทแม่ค้ามานั่งร้อยดอกไม้กันสด ๆ พร้อมให้ลูกค้าซื้อหาไปใช้ในงานมงคล งานพิธี หรือประเพณีต่าง ๆ ตามขนบธรรมเนียมไทย


📍 พร เบเกอรี่
ร้านเบเกอรี่เก่าแก่คู่ย่านปากคลองตลาด
กับขนม ‘แอแคลร์หงษ์’ ในตำนาน

เดินดูดอกไม้จนหนำใจก็ได้เวลาหาอะไรรองท้อง เริ่มกันด้วย ‘พร เบเกอรี่’ ร้านขนมเจ้าเก่าที่อยู่เคียงคู่กับย่านมานานและอบสดใหม่ทุกวัน มีขนมขายดีอย่าง ‘เอแคลร์หงส์ไส้ทะลัก’ ในตำนาน มีให้เลือกทั้งไส้ครีมและไส้ช็อกโกแลต (ตัวละ 7 บาท) ซึ่งคุณชะเอมต้องซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้านด้วยตลอด

พร เบเกอรี่
เปิดทุกวัน 10:00 – 19:30 น.
Tel. : 02-221-7652
Google Maps : https://maps.app.goo.gl/ioyKQM7v7JbYyQQq9


เดินผ่านมุมถ่ายรูปยอดฮิตก็ต้องแวะเช็กอินสักหน่อย
พิกัดอยู่หน้าร้าน ‘Nana Flora’ บริเวณหัวมุมฝั่งตรงข้ามแยกบ้านหม้อ

บนถนนบ้านหม้อจะเป็นโซนร้านดอกไม้ประดิษฐ์ที่ดูแล้วสวยงามประณีต หากใครเป็นสายแต่งบ้านในซอยนี้ก็มีอยู่หลายร้านให้เลือกชม ส่วนคุณชะเอมเห็นน้องแมวแล้วอดใจไม่ไหว ขอแวะเติมแมวที่ป้วนเปี้ยนอยู่แถวนี้สักหน่อย


📍 เนื้อหอม คาเฟ่

เพื่อนบ้านที่ไม่ได้มีดีแค่ข้าวหน้าเนื้อ
แต่อร่อยทุกเมนู โดยเฉพาะหมูกรอบที่กรอบได้ใจ!

เดินจากแยกบ้านหม้อมาประมาณ 300 เมตร เราก็มาหยุดอยู่หน้าร้าน ‘เนื้อหอม คาเฟ่’ เพื่อนบ้านสุดเฟรนด์ลี่ที่เชื้อเชิญเราเข้าไปด้านในด้วยกลิ่นเนื้อย่างหอม ๆ สมชื่อ

เรามาถึงร้านตอนเที่ยงตรงคนเลยจะแน่นหน่อย แต่รอไม่นานเราก็ได้ลิ้มรสความอร่อยฝีมือ ‘คุณตั้ม’ และ ‘คุณน้ำ’ สองเจ้าของร้านที่ช่วยกันคิดสูตรและเข้าครัวจับกระทะเองทุกเมนู

เนื้อหอม คาเฟ่
เปิดทุกวันพุธ – อาทิตย์ (ปิดวันจันทร์ – อังคาร) 11.00 – 16.00 น.
Tel. : 093-586-2261
Google Maps : https://maps.app.goo.gl/dQEsdCty4sN9K64YA


การตกแต่งร้าน ‘เนื้อหอม คาเฟ่’ จะเน้นความเรียบง่ายเป็นกันเอง ตามความตั้งใจของ  ‘คุณตั้ม’ อดีตสถาปนิกเจ้าของร้านที่อยากออกแบบให้เป็นร้านที่ลูกค้าทั้งขาจรและขาประจำ รวมถึงคนในย่านรู้สึกเข้าถึงง่าย 

แต่ยังแฝงความสนุกไว้ในการดีไซน์โปสเตอร์แนะนำเมนูเด็ดของร้าน ซึ่งดึงดูดสายตาเราด้วยการจัดวางเท็กซ์และคู่สีที่สนุกสนานมีลูกเล่น หลังจากสั่งอาหารไปไม่นานทุกอย่างก็มาเสิร์ฟเต็มโต๊ะ ซึ่งการจัดจานของแต่ละเมนูเรียกได้ว่าเป็นอาหารตาชั้นดี

จานแรกที่สั่งคือ ‘ข้าวหน้าเนื้อย่างซอสเนื้อหอมและไข่ดอง’ (195 บาท) เมนูซิกเนเจอร์ที่อยู่คู่ร้านเนื้อหอม คาเฟ่มายาวนาน เนื้อย่างเด็ด ๆ ปรุงด้วยซอสสูตรพิเศษของทางร้านที่ใครได้ลองก็ติดใจ โปะหน้าด้วยไข่ดองเพิ่มความนัว และโรยหอมเจียวที่ทำให้เมนูนี้หอมอร่อยลงตัว

ถัดมาเป็นเมนู ‘เกี๊ยวหมูสับน้ำมันเสฉวน’ (95 บาท) ความเด็ดอยู่ตรงไส้หมูสับที่เพิ่มรสชาติด้วยกระเทียม ต้นหอม ขิง และน้ำมันงา ราดซอสน้ำมันเสฉวนที่ปรุงด้วยจิ๊กโฉ่วเพื่อชูรสและเติมกลิ่นให้หอมอร่อยขึ้นไปอีก

อีกหนึ่งเมนูชูโรงที่ไม่อยากให้พลาดคือ ‘หมูกรอบย่างหน้าศาลเจ้า’ (185 บาท) โดยที่ร้านเลือกใช้หมูที่แบ่งชั้นเนื้อและชั้นมันกำลังดี แถมใช้วิธีอบแทนการทอด ซึ่งเราพิสูจน์แล้วว่ากรอบจริงแบบมีเสียงกร๊อบบ…บ ทุกคำที่เคี้ยว


ระหว่างกำลังนั่งทาน ‘หมูกรอบย่างหน้าศาลเจ้า’ ก็มีเสียงการแสดงงิ้วดังมาจากศาลเจ้าฝั่งตรงข้ามร้านเนื้อหอม คาเฟ่เป็นระยะ ๆ ช่วยสร้างบรรยากาศและเพิ่มอรรถรสความเป็นสตรีทฟู้ดของแทร่!

📍 5 a.m.
คาเฟ่น้ำเต้าหู้ Specialty ร้านประจำของคนในย่าน
ที่มีเทคนิคการคั่วให้หอมไม่เหมือนใคร

หากกินคาวแล้วไม่กินหวานถือว่ายังไม่คอมพลีต หลังมื้อเที่ยงคุณชะเอมพาเราเดินมาอีกร้านที่อยู่ไม่ไกลกัน ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านหน้าใหม่บนถนนบ้านหม้อ ร้านนี้มีชื่อว่า ‘5 a.m.’ คาเฟ่น้ำเต้าหู้ Specialty ที่ recommend สำหรับเหล่าน้ำเต้าหู้เลิฟเวอร์

บรรยากาศภายในร้านชวนให้นึกถึงความคลาสสิกในหนังฮ่องกงของผู้กำกับหว่องกาไว ซึ่งรีโนเวทจากตึกแถวเก่าโดยคงเสน่ห์บนร่องรอยเดิมของตึกเอาไว้ พร้อมตกแต่งผนังด้วยโปสเตอร์หนังสวย ๆ หลายเรื่อง

5 a.m.
เปิดทุกวัน (ยกเว้นวันจันทร์) 9.00 – 21.00 น.
Tel. : 064-642-6615
Google Maps : https://maps.app.goo.gl/vH2bsEPo3phY1F7Z6

ความโดดเด่นของร้าน 5 a.m. จะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากน้ำเต้าหู้ที่ทางร้านตั้งใจยกระดับเครื่องดื่มบ้าน ๆ ให้พิเศษกว่าเดิม ด้วยการดึงเอากลิ่นคั่วที่เป็นเอกลักษณ์ของน้ำเต้าหู้ออกมาให้มากที่สุด โดยมีให้เลือกทั้งแบบคั่วเข้มและคั่วอ่อน

พร้อมเสิร์ฟแบบดั้งเดิมในเมนู ‘น้ำเต้าหู้ร้อน’ (40 บาท) ซึ่งหากใครชอบกินเครื่องก็สามารถ add-on ได้ตามใจ หรือจะสั่ง ‘น้ำเต้าหู้ทรงเครื่อง’ (85 บาท) ที่ทางร้านจัดเซ็ตไว้แล้วก็มีให้เลือกหลาย option

ส่วนใครอยากลองน้ำเต้าหู้ที่ทั้งแปลกใหม่และเย็นชื่นใจก็ต้อง ‘สเลิฟปี้น้ำเต้าหู้’ (75 บาท) ที่มาในรูปแบบเกล็ดหิมะ แต่ยังคงกลิ่นคั่วหอม ๆ และความอร่อยกลมกล่อม พร้อมโรยหน้าด้วยปาท่องโก๋กรอบ

นอกจากน้ำเต้าหู้ที่ร้านยังมีเมนูเครื่องดื่ม ‘สเลิฟปี้น้ำลำไย’ (75 บาท) ที่ปลุกความสดชื่นพร้อมเนื้อลำไยเพิ่มเท็กซ์เจอร์หนุบหนับ

อีกหนึ่งเมนูที่เก๋ไก๋ตั้งแต่ชื่ออย่าง ‘ปาโทสต์โก๋’ (175 บาท) กับไอเดียที่นำปาท่องโก๋มาแทนขนมปังโทสต์ เสิร์ฟพร้อมไอศกรีมน้ำเต้าหู้ และเลมอนไซรัปที่แยกมาให้เทเองแบบฉ่ำ ๆ ให้รสชาติเปรี้ยวหวานตัดกับไอศกรีม เมื่อทานคู่กันแล้วอร่อยและเข้ากันอย่างไม่น่าเชื่อ!


ก่อนจากกันคุณชะเอมกระซิบกับเราว่า หากมีโอกาสก็อยากต่อยอดไกด์บุ๊กเล่มนี้ โดยอาจจะอัปเดตข้อมูลร้านใหม่ ๆ และทำออกมาเป็น Issue 2 เหมือนกับนิตยสาร แล้วคุณชะเอมก็หยิบสติ๊กเกอร์ที่เธอออกแบบมาให้ดู ซึ่งเธอบอกว่านี่คือต้นแบบไอเดียที่อยากจะทำเป็นของที่ระลึกน่ารัก ๆ ให้กับปากคลองตลาด

“ชะเอมอยากทำ Souvenir ให้กับปากคลอง อย่างสติ๊กเกอร์นี้ชะเอมก็ทำมาฝากขายที่ร้าน ‘Flower in the Mist’ ซึ่งนอกจากคาแรกเตอร์ ‘น้องบลูม’ และ ‘น้องเจนนี่’ ก็มีดอกไม้ 10 ชนิดในปากคลองตลาดที่เราอยากให้เด็กรุ่นใหม่ได้รู้จัก และจดจำชื่อดอกไม้ต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น ในอนาคตเราก็อยากเอาลายพวกนี้มาทำเป็นของที่ใช้งานได้ อาจจะเป็นสมุดโน้ต ผ้าโพกผม หรือผ้าผืนเล็ก ๆ ที่คนสมัยนี้นิยมใช้กัน”

ไกด์บุ๊ก ‘Bloom for New Gen’ เป็นโปรเจกต์ที่คุณชะเอมได้ทดลองแนวทางใหม่ ๆ ในฐานะนักออกแบบ และเธอก็สนุกกับการลงพื้นที่ที่ทำให้เธอได้รู้จักเพื่อนบ้านย่านปากคลองตลาดมากขึ้น

ส่วนใครที่ชื่นชอบลายเส้นที่เป็นเอกลักษณ์ของ WHITE HAT. สามารถติดตามผลงานอื่น ๆ ของ WHITE HAT. ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/whitehat.art
Instagram : https://www.instagram.com/whitehatdotart

ทริปเดินเที่ยวปากคลองตลาดในหนึ่งวันกับคุณชะเอม ทำให้เราได้สัมผัสกับเสน่ห์ของย่านนี้แบบครบทุกมุม ไม่ว่าจะเป็นร้านดอกไม้สวย ๆ ในราคาน่าคบหา ร้านขนมเก่าแก่ในตำนาน ไปจนถึงคาเฟ่โดยคนรุ่นใหม่ที่เข้ามาสร้างสีสันให้กับย่าน

ซึ่งแต่ละร้านที่เราไปเช็กอินกันวันนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่คุณชะเอมหยิบยกมาจากไกด์บุ๊ก ‘Bloom for New Gen’ เท่านั้น! ยังมีอีกหลายร้านที่หากมีเวลาก็น่ามาตามเก็บให้ครบ แถมยังมาซ้ำได้เรื่อย ๆ เรียกได้ว่าปากคลองตลาดเป็นย่านที่มากี่ครั้งก็ไม่เบื่อ แถมทุกครั้งที่มาเที่ยวย่านนี้ก็มักจะได้เจอมุมใหม่ ๆ ที่ยังไม่เคยเห็น ชวนให้ออกไปค้นพบเสน่ห์ของย่านที่ซ่อนอยู่

ส่วนคอลัมน์ Neighborgood ครั้งหน้า เราจะพาไปทัวร์ย่านไหน และใครจะอาสามาเป็นไกด์ประจำย่าน รอติดตามกันได้เลย!

IT MIGHT INSPIRE YOU

HUES.AUDIO

ลำโพง Custom Made โดยสถาปนิกที่อยากออกแบบลำโพงให้เหมือนกับการออกแบบบ้าน

Earthling Mushroom Farm

สำรวจจักรวาลเห็ดฟอร์มสวยวัตถุดิบชั้นเลิศ ร้านมิชลินสตาร์

The Personal Colors of Mamo 

“มะโม” ศิลปินผู้ปล่อยวางจากความสมบูรณ์แบบ เรียนรู้และเยียวยาผ่านเฉดสีธรรมชาติใกล้ตัว

Jimny มหานคร

คอมมูนิตี้ของคนรักรถ ที่ค้นพบความสุขจาก การหลงใหลในสิ่งเดียวกัน